"ปัณณัตติวัชชะ และโลกวัชชะ คำที่คนไทยยัง เข้าใจผิด"
โดย พระมหาบุญโฮม ปริปุณฺณสีโล ป.ธ.๕,นธ.เอก,ศษ.บ.,MPA.(นิด้า) วัดท่าไทร ต.ท่าทองใหม่ อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี ๘๔๒๙๐

          ผู้ที่เคยบวชและเรียนนักธรรมย่อมจะคุ้นเคยกับคำศัพท์ ๒ คำ นี้ "ปัณณัตติวัชชะ และโลกวัชชะ" ในวิชา "วินัยมุข เล่ม ๑ สำหรับนักธรรมชั้นตรี" แต่หลาย ๆ ท่านคงจะลืมไปแล้ว และหลายท่าน "ไม่เคยเรียน แต่ชอบจำขี้ปากคนอื่นมากพูด หรือเอาความรู้สึกมาตัดสินพระเณร.. ไม่เคยเรียนวิชาวินัย แต่อยากพูดวินัย .. ไม่เคยเรียนกฎหมาย แต่ชอบวิจารณ์กฎหมาย ... ไม่ได้เรียนรู้การเมือง แต่ชอบวิจารณ์การเมือง .. รู้แล้วชี้นั่นดีเลิศ ไม่รู้ไม่ชี้ก็ยังพอทำเนา แต่ไม่รู้แล้วดันทุรังชี้นี่สิน่าคิด" ดังนั้น เพื่อกันลืม จึงขอนำเสนออีกครั้งหนึ่ง ครับ

          ปัณณัตติวัชชะ แปลว่า โทษทางพระวินัยบัญญัติ/ประพฤติผิดศีลที่พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้ หมายถึงการที่พระกระทำผิดพระวินัย หรือทำผิดศีลที่พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้ เช่น โกหก ด่าภิกษุ ฉันอาหารที่ไม่มีผู้ประเคน มีเจตนาฆ่าสัตว์ พูดอวดคุณพิเศษที่ไม่มีในตน ฯลฯ … ปัณณัตติวัชชะ โทษทางพระวินัยบัญญัติ หรือโทษที่เกิดเพราะความละเมิดในข้อที่พระพุทธเจ้าห้าม เรียกว่าอาบัติ. อาบัตินั้นว่าโดยชื่อ มี ๗ อย่าง คือ (๑)ปาราชิก (๒) สังฆาทิเสส (๓) ถุลลัจจัย (๔) ปาจิตตีย์ (๕) ปาฏิเทสนียะ (๖) ทุกกฏ (๗) ทุพภาสิต

          โลกวัชชะ แปลว่า "โทษทางโลก, ความผิดทางโลก, อาบัติที่มีโทษทางโลกด้วย" เช่น ภิกษุเสพสิ่งเสพติด มียาเสพติดที่ผิดกฎหมาย เป็นต้น จัดว่าเป็น โลกวัชชะ เพราะเป็นสิ่งที่กฎหมายบ้านเมืองจัดว่าอยู่ในสิ่งที่ผิด

          โลกวัชชะ หมายถึง การกระทำที่แม้แต่คนทั่วไป(ซึ่งมิใช่พระภิกษุ)ทำก็เป็นความผิด เป็นความเสียหาย พูดง่ายๆว่า ผิดกฎหมาย เช่น เสพยาเสพติด โจรกรรม ฆ่า มนุษย์ ทุบตีกัน หมิ่นประมาทกัน เป็นต้น เพราะฉะนั้น เมื่อพระภิกษุรูปทำในสิ่งที่กฎหมายทางโลกบัญญัติไว้ แม้พระภิกษุรูปนั้นจะไม่ผิดศีล แค่ก็ผิดกฎหมาย รับโทษดังคนทั่วไปเดียวกัน ไม่มีข้อยกเว้น

          โลกวัชชะ มาจาก โลกสฺส วชฺชํ =โลกวชฺชํ (โทษของชาวโลก/ความผิดทางบ้านเมือง, ผิดกฎหมาย (มิใช่โทษทางพระวินัย) ดังนั้นจึงชื่อว่า โลกวัชชะ โทษทางโลก (โทษตามกฎหมายของชาวโลก)... ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๘ โทษสำหรับลงแก่ผู้กระทำความผิดมีดังนี้ (๑) ประหารชีวิต (๒) จำคุก (๓) กักขัง (๔) ปรับ (๕) ริบทรัพย์สิน

          โลกวัชชะ มิได้แปลว่า "โลกติเตียน" เหมือนที่ใคร ๆ แปลกันมั่ว (แปลภาษาบาลีโดยไม่มีความรู้ภาษาบาลี และแปลไม่ยึดหลักภาษา) ขณะเดียวกัน หากเราศึกษาพระพุทธศาสนากันอย่างเข้าใจแล้ว พระพุทธเจ้าทรงมอบให้พระสงฆ์เป็นใหญ่ ให้พระสงฆ์ปกครองกันเอง เมื่อใครทำผิดพระสงฆ์ท่านก็จะจัดการกันเองตามพระธรรมวินัย ... พระพุทธเจ้ามิได้ทรงอนุญาตให้อุบาสก อุบาสิกาติเตียน ด่าว่า นินทา หรือใส่ความพระสงฆ์เลยแม่แต่น้อย ดังที่หลาย ๆ คนเข้าใจ และถ้าใครขืนทำเช่นนั้น "กรรม" ย่อมเกิดแก่คนนั้นเอง... "เพียงแค่คิดจิตก็ไม่ปกติ" แม้แต่พระภิกษุเองหากด่าว่าพระภิกษุ พระพุทธเจ้าก็ยังทรงปรับเป็นอาบัติ(ความผิด)... พระภิกษุเองหากใส่ความพระภิกษุด้วยกัน แม้จะเพื่อหยอกล้อกันก็ตาม พระพุทธเจ้าก็ทรงบัญญัติเป็นความผิด แต่หากโจทย์ (เป็น ๑ ในขั้นตอนที่ทำตามพระวินัย) เพื่อรักษาความถูกต้อง พระพุทธเจ้าทรงอนุญาต และไม่ปรับเป็นอาบัติ

          ขณะเดียวกัน "พระภิกษุ อยู่ในฐานะปูชนียบุคคลที่ชาวพุทธให้ความเคารพ" .. พระภิกษุมิได้เป็นคนสาธารณะเหมือนนักการเมือง....หากพระภิกษุถูกใส่ร้าย ป้ายสี นินทา ตีเตียน หมิ่นประมาท ด่าว่า ท่านก็มีสิทธิ์โดยชอบธรรมเหมือนคนทั่วไปที่จะร้องขอต่อศาลให้ผดุงความยุติธรรม ให้ลงโทษฐานหมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๖, ๓๒๗ และ ๓๒๘ สุดแต่จะทำผิดมาตราใด

          "ไม่มีโทษ ถ้าไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้ / ไม่มีกฎหมาย ก็ไม่มีความผิด." คนจะกระทำผิดกฎหมายได้ ก็ต่อเมื่อมีกฎหมายบัญญัติว่าการกระทำนั้นเป็นความผิดเท่านั้น หากไม่มีกฎหมายกำหนดไว้ ความผิดก็ไม่มี" ….สำหรับพระก็เช่นเดียวกัน "ไม่มีโทษ ถ้าไม่มีพระวินัยบัญญัติไว้… ความผิดศีลจะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อกระทำในสิ่งที่วินัยบัญญัติไว้ว่าเป็นความผิด"

          "กฎหมายออกโดยอำนาจนิติบัญญัติ จะเลิกไปก็โดยอำนาจนิติบัญญัติ… ศีลของพระก็เช่นเดียวกัน ศีลบัญญัติโดยพระพุทธเจ้า จะเลิกไปก็โดยพระพุทธเจ้าและพระสงฆ์(ตามที่พระพุทธองค์ตรัสอนุญาตไว้ในมหาปรินิพพานสูตร)เท่านั้น" คนอื่นจะมาบัญญัติให้พระเป็นความผิดตามใจชอบ หาถูกต้องด้วยพระธรรมวินัยไม่

          เพื่อความเข้าใจถูกต้องของผู้ใฝ่รู้ทั้งหลาย อย่าเข้าใจในทางที่ผิด เพราะบางครั้ง พอเราเห็นพระพายเรือ ปั่นจักรยาน นั่งเครื่องบิน เป็นต้น ก็มักจะพูดกันว่า "เป็นโลกวัชชะ" ทั้ง ๆ ที่ไม่ผิดศีลแม้แต่ข้อเดียว และไม่เป็นโลกวัชชะ เพราะคนทั่วไปพายเรือ ปั่นจักรยาน นั่งเครื่องบิน เป็นต้น ถือว่าไม่ผิดกฎหมายแต่อย่างใด

          ประเด็น "โลกวัชชะ ปัณณัตติวัชชะ" นี้ อย่าว่าแต่ครูอาจารย์ผู้สอนนักธรรมเลยครับ เท่าที่ผมสัมผัส สังเกต ครูผู้สอนในโรงเรียน วิทยาลัย มหาวิทยาลัยทั้งของพระ และของบ้านเมือง เจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ และแม้พระครู เจ้าคุณ หลาย ๆ ท่าน ยังอธิบายไม่ถูก (อธิบายข้างๆคูๆ มั่วไปหมด) เพราะท่านไม่มีพื้นฐานทางด้านกฎหมาย/ไม่ได้เรียนนิติศาสตร์มา บางท่านเรียนกฎหมายแต่ไม่ได้เรียนพระธรรมวินัย ไม่ได้อ่านพระไตรปิฎก ไม่เคยแปลบาลี (ไม่เคยแปลพระไตรปิฎก) ครับ


        บทความ "ปัณณัตติวัชชะ และโลกวัชชะ" นี้ ถึงแม้ว่าแอดมิน (พระมหาบุญโฮม ปริปุณฺณสีโล วัดท่าไทร) ได้เขียนและนำลงเฟชไว้นานแล้ว แต่ "ยังเป็นอมตะ ประหนึ่งเขียนไม่นาน" เพราะสังคมเราแทนที่จะใช้องค์ความรู้ที่เรียนมาคิด วิเคราะห์ แยกแยะอย่างถูกต้องตามหลักพระพุทธศาสนา หลักวิชาการ และเป็นระบบ (วิจัยในชีวิตจริง) แต่กลับชอบใช้ "มโน (unknowledge/ manoledge ขาดองค์ความรู้ ไม่ใช้หลักวิชาการ ไม่เข้าใจบริบทที่แท้จริง แล้วมโนคิดมั่ว ๆ ไปเอง) จับแพะชนแกะ แล้ว "หาเหตุดราม่า" ย่ำยี ไส่สี ใส่ร้ายป้ายสีพระสงฆ์ อย่างขาดมโนธรรม" ตีความหมายไปอย่างข้าง ๆ คูๆ "สร้างวจีกรรมให้แก่ตัวเอง" ประมาณว่า "ฉันจะพูด ฉันจะดราม่า ใครจะทำไม" ... ประเด็นนี้ แอดมินเคยเขียนลงเฟชไว้นานเป็นปีแล้ว วันนี้ก็ยังทันสมัย ควรค่าแก่การอ่าน ครับ

----------------------------------
ภาพประกอบ.. เป็นภาพสไลด์ ประกอบการบรรยายวิชา "วินัย นักธรรมชั้นตรี" ที่แอดมินผลิตและประกอบการบรรยายมานานหลายสิบปี (แต่ยังทำไม่สมบูรณ์สักทีหนึ่ง เอาไว้ว่าง ๆ จะปรับแก้ให้สมบูรณ์ต่อไป)


ที่มา.- เฟชบุ้ค "พระมหาบุญโฮม" https://www.facebook.com/mahabunhome


*******************