หลักสูตร ‘ธรรมศึกษา’ ป้องเด็กไทยไร้ศีลธรรม

ผกามาศ ใจฉลาด
---------------------------------------------------

หลังจาก "คม ชัด ลึก" ได้นำเสนอเรื่องราวพระนิสิตแห่สอน “ธรรมะบันเทิง” เชื่อมพุทธศาสนาโดนใจวัยกิ๊ก โดยคณะ “พระนิสิต” แผนกพระธรรมวิทยากรจาก ม.มหามกุฎราชวิทยาลัย ออกตระเวนสอนวิชาพระพุทธศาสนาตามสถานศึกษาต่างๆ ล่าสุดกรมการศาสนาได้ประกาศขอร่วมอุดมการณ์ด้วย ตั้งเป้าปี 2549 จะผลิต "ครูพระสอนศีลธรรม" ให้ได้ 1 ตำบล 1 รูป โดยใช้หลักสูตร "ธรรมศึกษา" ป้องเด็กไทยไร้ศีลธรรม

ยุทธศาสตร์สำคัญของกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ข้อหนึ่งคือ การส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนนำหลักธรรมพุทธศาสนาไปใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการไหว้พระ สวดมนต์ ประพฤติตนเป็นคนดี นายปรีชา กันธิยะ อธิบดีกรมการศาสนา จึงเห็นว่า การที่พระสงฆ์เข้าไปสอนวิชาพุทธศาสนาให้เด็กตามโรงเรียน จะเป็นตัวเชื่อมระหว่างคำสอนกับเด็กได้เป็นอย่างดี ให้ "โรงเรียน บ้าน วัด" เป็นแหล่งเรียนรู้พุทธศาสนาของชุมชน

ายใต้การดูแลของศูนย์พระสงฆ์นักเผยแผ่ธรรมเพื่อพัฒนาสังคม ซึ่งเป็นแหล่งรวมครูพระสอนวิชาพระพุทธศาสนาในสถานศึกษา โดยอนาคตจะพัฒนาให้เป็นศูนย์พระสอนศีลธรรมแห่งประเทศไทย และนำเสนอให้มหาเถรสมาคมเห็นชอบโดยเร็วที่สุด เพื่อสร้างกองทัพครูพระสอนศีลธรรมให้มีบทบาทพัฒนาจิตใจเด็กและเยาวชน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กอาชีวศึกษาที่ตีกัน ขี่รถซิ่ง ให้เกิดสำนึกอยากเป็นคนดีของสังคม

พระครูวิสุทธินพคุณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดทองนพคุณ กรุงเทพฯ เปิดเผยในฐานะประธานศูนย์ว่า ศูนย์พระสงฆ์นักเผยแผ่ธรรมเพื่อพัฒนาสังคม ก่อตั้งเมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2545 โดยเจตนารมณ์ของคณะพระสงฆ์จำนวนหนึ่งที่อยากทำงานเพื่อสังคม โดยให้ความสำคัญในโครงการอบรมศีลธรรมจริยธรรมและสอนธรรมศึกษาในสถานศึกษาเป็นหลัก ปัจจุบัน พระพรหมวชิรญาณ เจ้าอาวาสวัดยานนาวา รั้งตำแหน่งผู้อำนวยการ มีสมาชิกประมาณ 600 รูป

สำหรับหลักสูตรการสอนนั้นอาศัยตามหลักสูตร "ธรรมศึกษา" ของพระสงฆ์ แบ่งเป็น หลักสูตรธรรมศึกษาชั้นตรี ได้แก่ วิชากระทู้ วิชาธรรมวิภาค วิชาพุทธประวัติ-ศาสนพิธี วิชาเบญจศีล-เบญจธรรม หลักสูตรธรรมศึกษาชั้นโท ได้แก่ วิชากระทู้ วิชาธรรมวิภาคปริเฉทที่ 2 วิชาอนุพุทธประวัติ-ศาสนพิธี วิชาวินัย (อุโบสถศีล) หลักสูตรนักธรรมศึกษาชั้นเอก ได้แก่ วิชากระทู้ วิชาธรรมวิจารณ์ วิชาพุทธานุพุทธประวัติ วิชาวินัย (กรรมบถ)

รวมทั้งมีการอบรมภาคปฏิบัติ ฝึกสติ และสมาชิกเพื่อให้เกิดปัญญาและสันติสุข ทั้งก่อนและหลังการเรียนตามความเหมาะสม และภาคอบรมพิเศษ อาทิ โครงการเทศนาวาไรตี้ในวันธรรมสวนะ (วันพระ) บรรยายธรรมในวันสำคัญต่างๆ และอบรมเฉพาะกลุ่ม เป็นต้น ทางศูนย์จะจัดส่งพระธรรมวิทยากรไปสอนตามหลักสูตรและให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดตามตารางเวลาที่แต่ละโรงเรียนกำหนด อย่างน้อยห้องละ 2 คาบต่อเดือน

"ที่ผ่านมามีโรงเรียนเข้าร่วม 18 แห่ง รวม 13,779 คน อาทิ โรงเรียนพณิชยการราชดำเนิน-ธนบุรี โรงเรียนเทคโนโลยีสยาม โรงเรียนมัธยมสาธิตสถาบันราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ซึ่งจากการประเมินผู้เรียนพบว่าส่วนใหญ่พฤติกรรมดี มีศีลธรรม เป็นผลดีในการศึกษาต่อหรือสมัครงาน โดยการสอบธรรมะสนามหลวงปี 2546 ส่งนักเรียนเข้าสอบ 7,000 คน สอบได้ 4,000 คน สูงถึงร้อยละ 62 แต่ยังมีปัญหาบ้าง เช่น ทางโรงเรียนให้เวลาสอนจำกัดและขาดงบประมาณในการจัดพิมพ์หลักสูตร ตำราสำหรับแจกนักเรียน" พระครูวิสุทธินพคุณ กล่าว

ส่วนคุณสมบัติของ "ครูพระสอนศีลธรรม" นอกจากเป็นผู้มีความรู้และอุดมการณ์ทำงานเพื่อสังคมด้วยความเสียสละแล้ว จะต้องครองตนใน "สมณสารูป" คือ สำรวมในการใช้โทรศัพท์มือถือ ไม่พูดเสียงดัง ไม่สูบบุหรี่ ระมัดระวังในการนุ่งห่มและความสัมพันธ์กับนักเรียน นักศึกษา อย่าให้เกินเลยขอบเขตจนเกิดข้อครหาในทางไม่ดี อันจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียแก่หมู่คณะ ทั้งนี้ เพื่อสร้างศรัทธาแก่ครูอาจารย์ ผู้ปกครอง และตัวนักเรียนเอง

ความร่วมมือระหว่างกรมการศาสนาและศูนย์มีการตั้งเป้าหมายไว้ว่าภายในปี 2547 จะมีเครือข่ายพระสอนศีลธรรมเพิ่มเป็น 800 รูป ปี 2548 เพิ่มเป็น 3,000 รูป และปี 2549 จะต้องมี 1 ตำบล 1 รูป รวมแล้วกว่า 7,000 รูป โดยจะให้งบอุดหนุนครูพระสอนศีลธรรมรูปละ 12,000 บาทต่อปี โดยหวังให้ครูพระเหล่านี้เป็นกำลังหลักบ่มสอนเด็กไทยให้จิตใจดี มีศีลธรรม ไม่ใช่เก่งเฉพาะวิชาการอย่างเดียวแต่เอาตัวไม่รอดอย่างที่ผ่านมา โรงเรียนไหนต้องการครูพระสอนศีลธรรม สอบถามได้ที่ โทร.0-2437-3268, 0-7979-5820

ที่มา: นสพ.คมชัดลึก 6 พ.ค.47