|  
                
                               
              นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 
              เสนอผลวิจัยพบต้นทุนจากการดื่มเหล้าสูงถึงร้อยละ 0.67 ของจีดีพี หรือประมาณ 
              7,500 ล้านบาทต่อปี แนะรัฐหาวิธีหาซื้อได้ยากจะลดปริมาณการบริโภคลงได้มากกว่า 
               
                               ในการจัดเวทีนโยบายสาธารณะ 
              ที่ศูนย์ประชุมสถาบัน วิจัยจุฬาภรณ์ บ่ายวันที่ 30 มี.ค. มีการประชุมกลุ่มย่อยเรื่อง 
              นโยบายภาษีบาป โดย นายนิพนธ์ พัวพงศกร คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 
              นำเสนอผลการวิจัย เรื่องการศึกษาพฤติกรรมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 
              ต้นทุนสังคม และนโยบายควบคุมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ว่า การเพิ่มภาษีสุรานำเข้าจะลดการบริโภคได้ไม่มาก 
              คือเพิ่มภาษีร้อยละ 10 การบริโภคจะลดลงเพียงร้อยละ 6 แต่การเพิ่มอุปสรรคในการหาซื้อสุราจะได้ผลมากกว่า 
              เพราะหากเวลาในการหาซื้อเพิ่มขึ้นอีก 10 นาที จะซื้อเหล้าลดลง 0.3 
              ครั้ง และต้องลดจำนวนร้านค้าลง  
                               
              "เมื่อคำนวณต้นทุนที่ต้องสูญเสียจากการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ 
              พบว่าสูงประมาณร้อยละ 0.67 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) 
              หรืออย่างต่ำประมาณ 7,500 ล้านบาทต่อปี โดยแบ่งเป็นต้นทุนของบุคคลร้อยละ 
              40 อีกร้อยละ 60 เป็นภาระที่สังคมต้องจ่าย และในขณะนี้รายได้ต่อหัวของประชากรเพิ่มขึ้น 
              ในขณะที่ราคาสินค้าประเภทนี้ มีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ" นายนิพนธ์กล่าว 
              และว่า การรณรงค์เพื่อลดการบริโภคสุราจะต้องทำอย่างต่อเนื่อง และเลือกกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ 
              และกลุ่มอายุ ซึ่งจากการวิจัยในต่างประเทศพบว่า การห้ามโฆษณาสินค้าประเภทนี้ในสื่อนั้นไม่มีผลต่อการบริโภคสุรา 
              ดังนั้น ควรจะใช้วิธีเมื่อสุราจะลงโฆษณาในสื่อ ก็ต้องให้เวลา หรือพื้นที่นำเสนอโฆษณาลดการบริโภคสุราในพื้นที่ใกล้กัน 
              และเท่าเทียมกัน เป็นกลยุทธ์แบบตาต่อตาฟันต่อฟัน.  
              
              
              ที่มา : นสพ.ไทยรัฐ 2 เม.ย.48 
               
             |